5 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวรอบดวงตา

เคยสงสัยมั้ย ว่าครีมรอบดวงตาที่ราคาแสนแพง ในกระปุกจิ๋วนั้น มันจำเป็นจริงๆมั้ย?
### เราไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้ามาทาแทนได้เลยเหรอ?

### ถ้าทาแล้วมันจะช่วยแก้ปัญหารอยคล้ำ และรอยบวมใต้ตาได้มั้ย?

วิธีไหนที่จะช่วยให้ริ้วรอยจางลง และคงความกระจ่างใสของผิวรอบดวงตาได้ดีที่สุด? อ่าน 5 ข้อเท็จจริงต่อไปนี้ ที่จะช่วยคงความอ่อนเยาว์และกระจ่างใสให้กับผิวรอบดวงตา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ข้อที่ 1

ผิวรอบดวงตาเป็นบริเวณผิวที่บางที่สุด และร่วงโรยเร็วมาก
ทราบหรือไม่ว่า ผิวรอบดวงตานั้นบางกว่าผิวหน้าถึง 10 เท่า ช่วงเวลาที่ลืมตา ผิวรอบดวงตาจะขยับอยู่ตลอดเวลา กระพริบตากว่า 10,000 ครั้งต่อวัน ไม่เหมือนกับผิวหน้า ที่มีเนื้อเยื่อที่หนา และกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อกัน
ทุกครั้งที่เราซับหน้าด้วยผ้าขนหนู ขยี้ตา หรือเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตา
ด้วยสำลี เป็นการเสี่ยงที่จะทำร้ายผิวบอบบางรอบดวงตา และอันที่จริงแล้ว ผิวก็ถูกดึงทุกครั้งที่คุณร้องไห้ หรือหัวเราะอยู่แล้ว
เนื่องจากผิวรอบดวงตาไม่มีต่อมไขมันอยู่เลย ส่งผลให้ผิวบริเวณนี้แห้ง คัน แดง ทำให้เรามักจะขยี้ แล้วก็ยิ่งทำให้ผิวถูกดึงมากขึ้นไปอีก
อึกปัญหานึงที่เพิ่มมากขึ้น จากที่ผิวรอบดวงตาบาง คือการมึถุงใต้ตา เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวจะอ่อนแอลง และไม่สามารถรับน้ำหนักไขมันใต้ผิวหนังได้ ทำให้เรามองเห็นถุงใต้ตาได้ชัดเจนขึ้น
การที่ผิวสะสมน้ำไว้ใต้ผิว ก็ทำให้เราเห็นว่าใต้ตาบวม
บางคนก็จะมีปัญหาที่ตรงกันข้าม พอผิวบางลง ไขมันใต้ผิวหนังจะหายไป ทำให้เกิดรอยโบ๋ลึกใต้ตาแทน
เคยได้ยินมั้ยที่ว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ” ตอนนี้ดวงตาคุณแสดงออกว่ายังไงบ้าง? ทำไมผิวบริเวณรอบดวงตานั้นมีแนวโน้มจะเกิดริ้วรอยได้ง่าย?

ข้อที่ 2

ไม่ควรใช้กันแดดชนิด chemical กับผิวรอบดวงตา
เพราะผิวรอบดวงตานั้นบางมาก และอาจถูกทำร้ายได้ง่ายจากรังสียูวี ดังนั้นโดยหลักการแล้วจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อปกป้องผิวรอบดวงตา แต่กระนั้นแล้วก็ยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
ประการแรกเลย ผลิตภัณฑ์กันแดดชนิด chemical นั้นมักจะทำให้ผิวระคายเคือง และอาจทำให้เกิดผิวแดง บวมพองรอบดวงตาได้ ประการที่สอง พบว่ามีการอักเสบของผิวเรื้อรังจากการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด และอาจก่อให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาได้ ผู้หญิงสมัยก่อนจะสวมหมวกและผ้าคลุม อันเป็นเรื่องที่ดีและมีเหตุผล เพราะมันช่วยป้องกันผิวรอบดวงตาจากแสงแดด และทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย สวยงามอยู่ได้นานยิ่งขึ้น หมวกนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องผิวได้ดีที่สุด มันช่วยบังดวงตาจากรังสีทุกชนิด ไม่เหมือนผลิตภัณฑ์กันแดด ที่มักจะมีรังสีเล็ดลอดลงไปที่ผิวหนัง และอย่าลืมใส่แว่นกันแดด เวลาที่ต้องออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง ในวันที่แดดจัด
ผิวหนังคุณจะได้รับการปกป้องโดยการต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ จากรังสียูวี อย่างไรก็ดี เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ระดับการต้านอนุมูลอิสระในผิวหนังเราก็จะค่อยๆลดลงไป ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระเช่น วิตามินอี, เบต้าแคโรทีน, ไลโคปีน, ลูเทอิน และโคเอนไซม์คิวเทน

ข้อที่ 3

ไม่ใช่ครีมรอบดวงตาทุกตัว จะดีต่อผิวรอบดวงตา
คุณไม่จำเป็นต้องใช้ “ครีมรอบดวงตา” ที่พิเศษ แต่ควรเลือกอย่างพิถีพิถัน อย่างแรกเลย เลือกที่เนื้อครีม ครีมที่จะใช้กับรอบดวงตาควรมีเนื้อบางเบา และเกลี่ยได้ง่าย ถ้าเนื้อผลิตภัณฑ์เกลี่ยยาก ทำให้ผิวใต้ตาถูกดึง กว่าจะเกลี่ยได้ทั่ว อย่าไปใช้เลย
อย่างที่สอง ไม่ควรใช้ครีมรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของน้ำมันในปริมาณสูง น้ำมันจะเข้าไปในดวงตา และไปอุดตันต่อมน้ำตา หรือบางทีอาจส่งผลต่อทัศนวิสัย และครีมที่มีการอุดตันสูง จะเพิ่มโอกาสในการบวมของใต้ตา
อีกประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา : ครีมนั้นๆมีส่วนประกอบใดๆที่ทำให้ระคายเคืองหรือทำร้ายผิวหรือไม่? ระลึกเสมอว่า ผิวรอบดวงตานั้นเป็นบริเวณที่บอบบางมากๆ สารใดๆที่เป็นพิษหรือทำร้ายผิว จะซึมลงไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้สี หรือน้ำหอม ระวังสารจากธรรมชาติแปลกๆใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบยาวเป็นหางว่าว สูตรที่ใช้สารน้อยๆจะปลอดภัยกว่า ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนประกอบมากกว่า 40 รายการขึ้นไป อย่าไปใช้กับผิวรอบดวงตา ถึงจะแจ้งว่าเป็น “ครีมรอบดวงตา” ก็เถอะ
ประการสุดท้าย ถ้าใช้ครีมรอบดวงตาเป็นประจำอยู่แล้ว อย่าใช้นิ้วมือจุ่มลงไปในกระปุกโดยตรงถ้าไม่ล้างมือให้สะอาด แบคทีเรียที่ปนเปื้อนในเครื่องสำอาง มักเป็นเหตุอันดับต้นๆของการติดเชื้อและระคายเคืองดวงตา อาจลองหาไม้พายมาไว้ใช้ตักครีมก็น่าจะดี

ข้อที่ 4

การโบทอกซ์ ไม่ใช่การแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา
การหัวเราะนั้นทำให้อายุยืนยาวขึ้น ส่วนการแสดงอารมณ์มากๆก็แสดงให้เห็นว่าเราผ่านอะไรมาเยอะ สองอย่างนี้ก็ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา และเกิดร่องแก้ม ทุกวันนี้จึงมีการใช้เทคนิคพิเศษเพื่อกำจัดริ้วรอยบริเวณดังกล่าว ด้วยการฉีดโบทอกซ์ แต่ก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงก็คือ ตาแห้ง เปลือกตาห้อย หรือ หนังตาตก และอาจเร่งให้เห็นความชราที่ดวงตา
ทางนึงที่จะป้องกันริ้วรอยเล็กๆรอบดวงตานี้คือ การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ เมื่อผิวมีความยืดหยุ่น และชุ่มชื้น ก็จะเกิดริ้วรอยได้ยากกว่า เราสามารถทำให้ผิวรอบดวงตาดูกระชับและเฟิร์มขึ้น ด้วยการใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของคอปเปอร์เปปไทด์

ข้อที่ 5


ถ้าอยากให้ตาดูอ่อนเยาว์ เป็นประกายสดใส – คิดให้มากกว่าเครื่องสำอาง
เคยทราบกันมั้ยว่า วิธีที่ง่ายที่สุดในการลดความบวมใต้ตา คือการนวดหน้าเป็นประจำ ใช่แล้ว!! แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามทั้งหลายจะให้สูตรมามากมายเท่าไหร่ ในการรับมือกับความบวมใต้ตาที่ต้องพบเจอทุกวันในตอนเช้า สาเหตุของอาการนี้มาจากการทำงานของน้ำเหลืองที่ไม่สมบูรณ์
ค่อยๆนวดผิวหน้าอย่างเบามือ (ไม่ต้องนวดรอบดวงตา) ก่อนนอน และตอนเช้า ลองออกกำลังหน้า เช่นการยิ้ม การดูดกระพุ้งแก้ม หลังจากนั้นประคบด้วยผ้าชุบน้ำเย็น แล้วกดผ้าเบาๆบริเวณรอบดวงตาสัก 2-3 นาที คุณจะรู้สึกได้ถึงความสดใส และสดชื่น ตาก็บวมน้อยลง
นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม และอาหารมื้อหนักๆช่วงค่ำ มันดูเหมือนไม่มีนัยยะอะไร แต่เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับดวงตาที่สวยงาม และเป็นเรื่องที่ควรเริ่มฝึกต้งแต่วันนี้
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ และการออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นประจำ ก็ช่วยบรรเทาอาการถุงใต้ตาและรอยคล้ำได้ด้วยเหมือนกัน เลือกทานผักและผลไม้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระให้กับผิว
การดูแลผิวเองที่บ้าน เช่นการโปะถุงชาเย็นๆ หรือแตงกวาฝาน วางที่ดวงตา ก็จะช่วยให้ความสดชื่นกับดวงตา และลดการบวม รอยคล้ำใต้ตาได้ระดับนึง เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของว่านหางฯก็จะช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูกระจ่างใส และลดรอยคล้ำได้

สรุปการดูแลผิวรอบดวงตาก็คือ
1.หลีกเลี่ยงการขยีตา ดึงรั้งผิวรอบดวงตา
2.ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดชนิด chemical กับผิวหนังรอบดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กันแดดที่มี SPF สูงๆ ใช้วิธีการใส่หมวกปีกกว้าง หรือสวมแว่นกันแดดแทน
3.ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารเคมีที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะจะทำให้ระคายเคืองและเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยคล้ำรอบดวงตา ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมรอบดวงตาเป็นพิเศษ แต่เลือกผลิตภัณฑ์ที่เกลี่ยง่าย ไม่มีน้ำมันสูง และเป็นสูตรที่ไม่มีสารประกอบซับซ้อน ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และสารธรรมชาติที่ไม่รู้จัก
4.คอปเปอร์เปปไทด์ช่วยกระชับผิว และเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวโดยรวม ช่วยป้องกันริ้วรอยและถุงใต้ตา ยิ่งเริ่มใช้คอปเปอร์เปปไทด์กับผิวหนังเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งจะเป็นผลดี
5.เพื่อให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์และสดใส ให้ลองทำอะไรมากกว่าการใช้เครื่องสำอาง เช่นการนวดหน้า และประคบผิวหน้าด้วยผ้าชุบน้ำเย็น เพื่อป้องกันผิวใต้ตาบวม นอนหลับให้เพียงพอในตอนกลางคืน และออกกำลังกายเป็นประจำ เลี่ยงการรับประทานอาหารรสเค็ม และอาหารมื้อหนักก่อนนอน และเลือกทานผักผลไม้ให้หลากหลาย
นอกเหนือจากนี้ หัดมองโลกในแง่ดี และหาทางยิ้มกับทุกๆสถานการณ์ แม้ว่าบริษัทเครื่องสำอางทั้งหลายจะเตือนว่า การยิ้มทำให้เกิดริ้วรอยที่ไม่พึงประสงค์ และแก้ปัญหาด้วยการฉีดโบทอกซ์
ผู้ที่ยิ้มได้ตลอดนั้นเป็นผู้ที่มองโลกในแง่ดีและเป็นผู้ที่มีความรู้สึกดีๆ ซึ่งคนเหล่านี้จะดูอ่อนกว่าวัย และมีดวงตาที่สดใส ในขณะที่คนบึ้งตึง ไม่มีความสุขจะแลดูแก่กว่าวัย ดังนั้นควรหาเวลาทำอะไรที่อยากทำในทุกๆวัน ยิ้มและหัวเราะ กระตุ้นการทำงานของสมองด้วยการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้คุณมีแววตาที่สดใสไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม

https://clearacne.biz/product/cp-ultimate-eye-cream-0-5-oz/